พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
พระฉัพพรรณรังสี...
พระฉัพพรรณรังสี หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย จ.สมุทรสงคราม เนื้อผงน้ำมัน สร้างราวปี พ.ศ.๒๔๔๐-๒๔๖๒
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ฉัพพรรณรังสี คือ รัศมีที่ออกมาจากพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ซึ่งในพระไตรปิฎกแสดงว่า สิ่งที่ไม่สามารถทำลายได้ ประการหนึ่ง คือ ฉัพพรรณรังสี และ รัศมีของพระพุทธแต่ละพระองค์ ก็มีความกว้างรัศมีแตกต่างกันไป อย่างพระพุทธเจ้าของเรา มีรัศมีแผ่ออกไป 1 วา สองเมตร ตลอดเวลา แต่จะทำให้แผ่ออกไปมากกว่านั้นจนสุดจักรวาลก็ได้ เพียงแต่ปกติที่พระพุทธเจ้าสมณโคดมไม่ได้อธิษ ฐานให้รัศมีแผ่ไป รัศมีฉัพพรรณรังสีก็แผ่ออกไปเป็นปกติ 1 วา แต่พระพุทธเจ้าบางพระองค์ก็มีรัศมีแผ่ออกไปหมื่นจักรวาลตลอดเวลาไม่มีกลางคืนเลย คือ พระมังคลพระพุทธเจ้า ด้วยเหตุที่ในชาติก่อนจะอุบัติ เกิดเป็นชาติที่คล้ายพระเวสสันดร ยักษ์ปลอมตัวเป็นพราหมณ์ มาขอบุตรที่รักของพระ องค์ ทั้งสองพระองค์ พอพระโพธิสัตว์มังคละยกให้แล้ว ยักษ์ก็แปลงกลับเป็นร่างเดิม คือ เป็นยักษ์ มีเขี้ยวยาว และก็กัดกินบุตรน้อยทั้งสองของพระโพธิสัตว์ เลือดพุ่งออกจากปากของยักษ์ พระโพธิสัตว์ มังคละเห็น เกิดความปิติโสมนัสใจ ไม่เกิดความทุกข์ใจแม้แต่น้อยเลย ปิติโสมนัสว่า ทานเราให้ดี แล้วหนอ และก็อธิษฐานว่า ขอให้เมื่อเราเป็นพระพุทธเจ้า มีรัศมีแผ่ออกไปดั่งสายเลือดของบุตรน้อย และเมื่อพระโพธิสัตว์บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า มังคละพระพุทธเจ้า พระองค์จึงมีฉัพพรรณรังสี หรือ รัศมี แผ่ออกไปโดยปกติหมื่นจักรวาล แต่อย่างไรก็ตาม พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ จะต้องมีฉัพพรรณรังสี ต้องมี 6 สี ดังนี้

1.สีนีละ - สีเขียวเหมือนดอกอัญชัน 2.สีปีตะ - สีเหลืองเหมือนหรดาลทอง 3.สีโรหิตะ - สีแดงเหมือนแสงตะวันอ่อน 4.สีโอทาตะ - สีขาวเงินยวง 5.สีมัญเชฏฐะ - สีแสดเหมือนหงอนไก่ 6.สีประภัสสร - สีเลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก

พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑- หน้าที่ 34

ว่าด้วยพระฉัพพรรณรังสี

เมื่อพระศาสดาทรงพิจารณาธรรมอันละเอียดสุขุมตามความสบาย ด้วยพระสัพพัญญุตญาณซึ่งมีโอกาส (ช่อง) อันได้แล้วอย่างนี้ พระฉัพพรรณรังสี (รัศมี ๖ ประการ) คือ นีละ (เขียวเหมือนดอกอัญชัน) ปีตะ (เหลืองเหมือนหรดาล) โลหิตะ (แดงเหมือนตะวันอ่อน) โอทาตะ (ขาวเหมือนแผ่น เงิน) มัญเชฏฐะ (สีหงสบาท เหมือนดอกหงอนไก่) ประภัสสร (เลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก) ก็ซ่านออกจากพระสรีระ

******************************

ส่วนรัศมีแต่ละสี ก็ออกมาจากที่ต่างๆ กัน เช่น สีเขียว ก็ออกมาจาก พระมัสสุ และ พระเกศา และ พระเนตร ส่วน สีเหลืองทอง ออกมาจาก พระฉวีวรรณและพระเนตร พระรัศมีสีแดง ซ่านออกแล้วจากพระมังสะ พระโลหิตและที่สีแดงแห่งพระเนตรทั้งสอง รัศมีสีขาว ซ่านออกแล้วจากพระอัฐิทั้งหลาย จากพระทนต์ทั้งหลาย และ จากที่สีขาวแห่งพระเนตรทั้งสอง ส่วนพระรัศมีสีหงสบาทและเลื่อมประภัสสร ก็ซ่านออกจากส่วนแห่งพระสรีระ เป็นต้น

ส่วนจะหารูปที่เหมือนได้ที่ไหน คงไม่มีใครในโลกที่จะสามารถเขียนรูปรัศมีของพระพุทธเจ้าไดจริง เพราะมีความวิจิตรเป็นอจินไตย ไม่สามารถเขียนได้เลย ที่สำคัญควรที่จะเห็นพระพุทธเจ้าด้วยเห็นตามที่พระองค์ทรงตรสรู้ คือ การเห็นพระธรรม เห็นด้วยปัญญาของตนเอง ด้วยการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม เมื่อมีการเข้าใจคำสอน เกิดปัญญาของตน แม้จะเห็นรูปที่สมมติว่าเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า เห็นพระพุทธรูปใดๆ ก็ตาม ก็สามารถน้อมระลึกถึงพระคุณได้ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง เป็นกุศล

ในขณะนั้น ต่างจากการเห็นรูปที่สวยงาม ที่เขียนให้เหมือนพระพุทธเจ้า แต่ไม่มีความเข้าใจพระธรรม รูปนั้นก็เป็นอารัมณาธิปติของอกุศล คือ ทำให้เกิดโลภะติดข้องในรูปที่สวย เกิดอกุศลในขณนั้น แทนที่จะเกิดกุศลจิต ครับ

เพราะฉะนั้น สำคัญที่จิตตนเองเป็นสำคัญ และสำคัญที่สุด คือ เห็นด้วยปัญญา อันเกิดจากการเข้าใจพระธรรม
ผู้เข้าชม
1902 ครั้ง
ราคา
35,000
สถานะ
โชว์พระ
ชื่อร้าน
โจ้บางกรวยJoeBK
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
joe555bk
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
เทพจิระNiti3303jochoเปียโนจ่าดี พระกรุKumpang
chathanumaantintinเนินพระ99gofubontermboonPumnee
ฤาษีป่ากล้วยสายน้ำอุ่นต๋อมบัวใหญ่buachomphuแจ่มkkZa2540
ep8600ด้วง เกิดผลโจ้ ลำนารายณ์NongBossเจริญสุขทองธนบุรี
Erawanนิก บารมี ลูกเจ๊แต๋ว ท.๘พีพีพระเครื่องeobeobเจนพระเครืองกรัญระยอง

ผู้เข้าชมขณะนี้ 1191 คน

เพิ่มข้อมูล

พระฉัพพรรณรังสี หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย จ.สมุทรสงคราม เนื้อผงน้ำมัน สร้างราวปี พ.ศ.๒๔๔๐-๒๔๖๒



  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
พระฉัพพรรณรังสี หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย จ.สมุทรสงคราม เนื้อผงน้ำมัน สร้างราวปี พ.ศ.๒๔๔๐-๒๔๖๒
รายละเอียด
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ฉัพพรรณรังสี คือ รัศมีที่ออกมาจากพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ซึ่งในพระไตรปิฎกแสดงว่า สิ่งที่ไม่สามารถทำลายได้ ประการหนึ่ง คือ ฉัพพรรณรังสี และ รัศมีของพระพุทธแต่ละพระองค์ ก็มีความกว้างรัศมีแตกต่างกันไป อย่างพระพุทธเจ้าของเรา มีรัศมีแผ่ออกไป 1 วา สองเมตร ตลอดเวลา แต่จะทำให้แผ่ออกไปมากกว่านั้นจนสุดจักรวาลก็ได้ เพียงแต่ปกติที่พระพุทธเจ้าสมณโคดมไม่ได้อธิษ ฐานให้รัศมีแผ่ไป รัศมีฉัพพรรณรังสีก็แผ่ออกไปเป็นปกติ 1 วา แต่พระพุทธเจ้าบางพระองค์ก็มีรัศมีแผ่ออกไปหมื่นจักรวาลตลอดเวลาไม่มีกลางคืนเลย คือ พระมังคลพระพุทธเจ้า ด้วยเหตุที่ในชาติก่อนจะอุบัติ เกิดเป็นชาติที่คล้ายพระเวสสันดร ยักษ์ปลอมตัวเป็นพราหมณ์ มาขอบุตรที่รักของพระ องค์ ทั้งสองพระองค์ พอพระโพธิสัตว์มังคละยกให้แล้ว ยักษ์ก็แปลงกลับเป็นร่างเดิม คือ เป็นยักษ์ มีเขี้ยวยาว และก็กัดกินบุตรน้อยทั้งสองของพระโพธิสัตว์ เลือดพุ่งออกจากปากของยักษ์ พระโพธิสัตว์ มังคละเห็น เกิดความปิติโสมนัสใจ ไม่เกิดความทุกข์ใจแม้แต่น้อยเลย ปิติโสมนัสว่า ทานเราให้ดี แล้วหนอ และก็อธิษฐานว่า ขอให้เมื่อเราเป็นพระพุทธเจ้า มีรัศมีแผ่ออกไปดั่งสายเลือดของบุตรน้อย และเมื่อพระโพธิสัตว์บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า มังคละพระพุทธเจ้า พระองค์จึงมีฉัพพรรณรังสี หรือ รัศมี แผ่ออกไปโดยปกติหมื่นจักรวาล แต่อย่างไรก็ตาม พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ จะต้องมีฉัพพรรณรังสี ต้องมี 6 สี ดังนี้

1.สีนีละ - สีเขียวเหมือนดอกอัญชัน 2.สีปีตะ - สีเหลืองเหมือนหรดาลทอง 3.สีโรหิตะ - สีแดงเหมือนแสงตะวันอ่อน 4.สีโอทาตะ - สีขาวเงินยวง 5.สีมัญเชฏฐะ - สีแสดเหมือนหงอนไก่ 6.สีประภัสสร - สีเลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก

พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑- หน้าที่ 34

ว่าด้วยพระฉัพพรรณรังสี

เมื่อพระศาสดาทรงพิจารณาธรรมอันละเอียดสุขุมตามความสบาย ด้วยพระสัพพัญญุตญาณซึ่งมีโอกาส (ช่อง) อันได้แล้วอย่างนี้ พระฉัพพรรณรังสี (รัศมี ๖ ประการ) คือ นีละ (เขียวเหมือนดอกอัญชัน) ปีตะ (เหลืองเหมือนหรดาล) โลหิตะ (แดงเหมือนตะวันอ่อน) โอทาตะ (ขาวเหมือนแผ่น เงิน) มัญเชฏฐะ (สีหงสบาท เหมือนดอกหงอนไก่) ประภัสสร (เลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก) ก็ซ่านออกจากพระสรีระ

******************************

ส่วนรัศมีแต่ละสี ก็ออกมาจากที่ต่างๆ กัน เช่น สีเขียว ก็ออกมาจาก พระมัสสุ และ พระเกศา และ พระเนตร ส่วน สีเหลืองทอง ออกมาจาก พระฉวีวรรณและพระเนตร พระรัศมีสีแดง ซ่านออกแล้วจากพระมังสะ พระโลหิตและที่สีแดงแห่งพระเนตรทั้งสอง รัศมีสีขาว ซ่านออกแล้วจากพระอัฐิทั้งหลาย จากพระทนต์ทั้งหลาย และ จากที่สีขาวแห่งพระเนตรทั้งสอง ส่วนพระรัศมีสีหงสบาทและเลื่อมประภัสสร ก็ซ่านออกจากส่วนแห่งพระสรีระ เป็นต้น

ส่วนจะหารูปที่เหมือนได้ที่ไหน คงไม่มีใครในโลกที่จะสามารถเขียนรูปรัศมีของพระพุทธเจ้าไดจริง เพราะมีความวิจิตรเป็นอจินไตย ไม่สามารถเขียนได้เลย ที่สำคัญควรที่จะเห็นพระพุทธเจ้าด้วยเห็นตามที่พระองค์ทรงตรสรู้ คือ การเห็นพระธรรม เห็นด้วยปัญญาของตนเอง ด้วยการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม เมื่อมีการเข้าใจคำสอน เกิดปัญญาของตน แม้จะเห็นรูปที่สมมติว่าเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า เห็นพระพุทธรูปใดๆ ก็ตาม ก็สามารถน้อมระลึกถึงพระคุณได้ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง เป็นกุศล

ในขณะนั้น ต่างจากการเห็นรูปที่สวยงาม ที่เขียนให้เหมือนพระพุทธเจ้า แต่ไม่มีความเข้าใจพระธรรม รูปนั้นก็เป็นอารัมณาธิปติของอกุศล คือ ทำให้เกิดโลภะติดข้องในรูปที่สวย เกิดอกุศลในขณนั้น แทนที่จะเกิดกุศลจิต ครับ

เพราะฉะนั้น สำคัญที่จิตตนเองเป็นสำคัญ และสำคัญที่สุด คือ เห็นด้วยปัญญา อันเกิดจากการเข้าใจพระธรรม
ราคาปัจจุบัน
35,000
จำนวนผู้เข้าชม
1916 ครั้ง
สถานะ
โชว์พระ
โดย
ชื่อร้าน
โจ้บางกรวยJoeBK
URL
เบอร์โทรศัพท์
0972037890
ID LINE
joe555bk
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี